รีวิว Project Silence หรือชื่อไทย ‘เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก’ ผลงานสุดท้ายของนักแสดงผู้ล่วงลับ อีซอนคยุน กำลังจะเข้าฉายวันที่ 12 กรกฎาคม ที่เกาหลี และวันที่ 29 สิงหาคม ที่ไทย
เรื่องราวความหายนะ ที่เริ่มต้นจากอุบัติเหตุรถชนซ้อนหลายคันเป็นทางยาว ท่ามกลางหมอกหนาทึบ บนสะพานสนามบินที่จวนเจียนถล่ม และการโจมตีของสุนัขทดลองทางการทหาร ทุกชีวิตต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ในสถานการณ์สุดอันตราย
“ขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับคุณจนถึงที่สุด”
ผู้เป็นสามีกำลังอ่านโน้ต ที่ภรรยาเขียนทิ้งไว้ก่อนตาย นั่นเป็นฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้ แต่สำหรับผู้ชมจะรู้สึกแตกต่างออกไป เพราะชายผู้เป็นสามีคือ อีซอนคยุน ผู้ล่วงลับไปเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เรารู้สึกคิดถึงเขาในบทบาทที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็น A Hard Day (2014), Parasite (2019) หรือแม้แต่ซีรีส์เกาหลีที่คนไทยรู้จักในยุคแรก ๆ อย่าง Coffee Prince (2007)
อย่างไรก็ตาม แม้คุณภาพด้านการแสดงของเขา จะอยู่ในระดับที่ปราศจากข้อสงสัย และเป็นจุดเด่นที่ส่งให้หนังมีมิติที่น่าสนใจมากขึ้น แต่การดำเนินเรื่องของ Project Silence กลับเลือกที่จะดำเนินไปตามสูตรสำเร็จของหนังภัยพิบัติ ซึ่งเป็นอะไรที่คาดเดาได้ไม่ยาก ทำให้คนที่ดูหนังประเภทนี้มาเยอะ ๆ จะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย
ประกอบกับสุนัขทดลอง ที่ควรจะเป็นภัยคุกคามที่สร้างความตื่นเต้นได้มากที่สุด กลับไม่ได้แสดงความน่ากลัวออกมาอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีสถานการณ์บางอย่างลดทอนพลังของมัน ผลก็คือ ทำให้เราไม่ได้รู้สึกกดดัน สมกับการที่หนังถูกกำหนดให้เป็นแนว ระทึกขวัญ
อีกทั้งประเด็นต่าง ๆ ที่หนังพยายามใส่เข้ามา เช่น การเปรียบเทียบประชาชนที่ต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็ง กับการบริหารของรัฐที่ไร้ประสิทธิภาพ แถมยังบ้าอำนาจ เป็นอะไรที่คลีเช่ น่าเบื่อ
แต่ไม่ว่าตลอดทั้งเรื่องจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ภาพโคลสอัปใบหน้าอีซอนคยุนในตอนท้าย ทำให้เรามองข้ามส่วนอื่น ๆ ไปจนหมดสิ้น
Project Silence เข้าฉายวันที่ 29 สิงหาคม ที่โรงภาพยนตร์ (ไทย)
7/10
ข้อมูล : X @Sahamongkolfilm